ค้นหาบล็อกนี้

หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2555

เวลา เวลา เป็นยาวิเศษ


"การไหลเวียนของพลังชีวิต (ลมปราณ) ที่ผ่านแต่ละอวัยวะ 
และในแต่ละอวัยวะจะใช้เวลา 2 ชั่วโมง ทั้งหมดมี 12 อวัยวะ 
รวม 24 ชั่วโมง คือ 1 วัน เราเรียกว่า "นาฬิกาชีวิต"

นาฬิกาชีวิต

ผู้คนแออัด รถติด ของแพง งานเยอะ ทุกอย่างกลายเป็นเพื่อนสนิทเราไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ สิ่งต่างๆ รอบตัวกำลังพาเราเข้าไปสู่วังวนของความเครียด ความเครียดนอกจากจะทำให้เราแก่ก่อนวัยแล้ว ยังทำให้สุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายของเราแย่ลงอีกด้วย นอกจากนั้นก็อาจจะมีโรคนอนไม่หลับ ไมเกรน ความดันโลหิตสูงอาจเข้ามาทำความรู้จักกับเราก็เป็นได้ แต่ก่อนที่อะไรจะร้ายแรงไปมากกว่านี้เรามาจัดสรรเวลาให้ร่างกายเราใหม่กันดีกว่า ถ้ามันจะดีมันต้องดีมาจากข้างใน คุณว่าจริงหรือเปล่า?

ใช้เวลาให้เป็นเหมือนยารักษาโรค
ในเมื่อหลายสิ่งกำลังเข้ามาทำร้ายเรา เราต้องทำร่างกายของเราให้แข็งแรงพร้อมรับทุกสถานการณ์ สิ่งที่บอกได้ว่าเราแข็งแรงหรือเปล่าก็คือตัวเราเองนี่แหละ เพราะความเครียดส่งผลถึงการทำงานของอวัยวะทุกส่วนในร่างกายของเรา อวัยวะทุกส่วนในร่างกายของเราก็ทำหน้าที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละช่วงเวลา การดูแลรักษาอวัยวะต่างๆ ก็มีวิธีการและช่วงเวลาของมัน เรามาดูกันว่าช่วงเวลาไหนทำอะไรจึงจะส่งผลดีกับตัวเรา

นาฬิกาชีวิต

05.00-07.00 น. เราควรตื่นมาขับถ่ายให้เป็นนิสัย เพราะลำไส้ใหญ่จะเริ่มทำงานในช่วงเวลานี้
07.00-09.00 น. มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ ถ้าเราอยากให้กระเพาะเราแข็งแรงเราต้องทานข้าวเช้ากันนะ ไม่อย่างนั้นร่างกายเราจะปล่อยน้ำย่อยมาบดขยี้กระเพาะเราพังแน่ๆ

09.00-11.00 น. อย่าหลับ หรือกินอะไรจุกจิกเวลานี้เป็นอันขาด เพราะม้ามกำลังทำงาน ถ้าเรากินอะไรจุกจิกหรือพูดบ่อยม้ามของเราจะชื้นจะทำให้ม้ามของเราอ่อนแอ
11.00-13.00 น. อย่างที่บอกว่าความเครียดส่งผลเสียกับร่างกายในทุกๆ ด้าน ยิ่งถ้าช่วงเวลานี้ด้วยแล้วยิ่งไม่ควรเครียดเป็นอย่างยิ่ง เพราะหัวใจเราจะทำงานหนักกว่าปกติ
13.00-15.00 น. ใครที่ชอบกินขนมจุกจิกช่วงเวลานี้อาจจะต้องเก็บขนมเหล่านั้นให้ไกลจากระยะสายตาสักหน่อยโดยเฉพาะสาวๆ เพราะลำไส้เล็กกำลังทำงานอยู่ ลำไส้เล็กทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารที่เป็นน้ำทุกชนิดเพื่อสร้างกรดอะมิโน สร้างเซลล์สมอง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และสร้างไข่สำหรับผู้หญิง
15.00-17.00 น. เป็นช่วงเวลาที่เราควรออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมให้เหงื่อออก เพราะจะทำให้กระเพาะปัสสาวะแข็งแรง
17.00-19.00 น. ใครที่เคยนอนในช่วงนี้ต้องต่อสู้กับความง่วง เพราะช่วงเวลานี้ไตเรากำลังทำงาน เราควรทำตัวให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า อาจจะหาอะไรทำเป็นกิจกรรมแก้ง่วง ใครที่ง่วงนอนเวลานี้เป็นประจำคุณอาจกำลังเข้าสู่ภาวะไตเสื่อม
19.00-21.00 น. ช่วงนี้ควรงดกิจกรรมใดๆ ที่ทำให้เราตื่นเต้น ดีใจ หัวเราะมากๆ เพราะการกระทำดังกล่าวส่งผลถึงเยื่อหุ้มหัวใจ เราควรหันมาสวดมนต์ ทำสมาธิ เป็นการทำจิตใจให้สงบจะดีกว่า (นั่นแน่คิดอะไรกันอยู่!)
21.00-23.00 น. เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น ห้ามอาบน้ำเย็นในช่วงเวลานี้ เพราะจะทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย

23.00-01.00 น. อย่าใส่ชุดนอนที่เป็นผ้าใยสังเคราะห์ ไนล่อน ชุดนอนที่ทำจากใยสังเคราะห์จะไปดูดน้ำในร่างกายเพราะเวลานี้เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี อวัยวะใดในร่างกายเมื่อขาดน้ำ จะมาดึงน้ำจากถุงน้ำดี ทำให้ถุงน้ำดีข้น เป็นผลให้อารมณ์ฉุนเฉียว สายตาเสื่อม เหงือกจะบวม ปวดฟัน นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก เราควรสวมชุดผ้าฝ้ายดีที่สุด และไม่ควรนอนบนที่นอนสูงๆ เพราะจะทำให้เสียน้ำในร่างกาย ดังนั้น ควรดื่มน้ำก่อนเข้านอน หรือก่อนเวลา 23.00 น.
01.00-03.00 น. ช่วงเวลานี้หลายๆ คนคงหลับกันไปแล้วถือว่าดีแล้วครับ เพราะว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาของตับ เราควรนอนหลับพักผ่อน ใครที่นอนหลับได้ดีในช่วงเวลานี้ตับจะหลั่งสารมีราโทนินเพื่อฆ่าเชื้อโรค และทำให้หน้าอ่อนกว่าวัย

03.00-05.00 น. ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะตื่นมาสูดอากาศที่บริสุทธิ์ให้เต็มปอด ผู้ที่ตื่นในช่วงเวลานี้เป็นประจำจะทำให้สุขภาพของปอดและผิวของเราดีขึ้น

เมื่อร่างกายของเราแข็งแรง หน้าตาเราก็จะสดใส จิตใจเราก็จะผ่องแผ้ว ผู้ชายก็จะหล่อ ผู้หญิงก็จะสวย อาจจะทำให้วันนั้นของคุณเป็นวันที่ดีอีกวันหนึ่งไปเลยก็ได้ บอกแล้วถ้าจะดีมันต้องดีจากข้างใน (ร่างกาย) ของเราก่อนนี่แหละดีที่สุด ไม่ต้องไปพึ่งยาปฏิชีวนะที่ให้ผลแบบครั้งคราว แต่หันมาใช้ "ยาปฏิชีวิตนะ" ที่ให้ผลแบบถาวรกันจะดีกว่า
(ล้อมกรอบ1)
งา น้ำผลไม้ น้ำสะอาด ช่วงล้างสารพิษในตับได้
(ล้อมกรอบ2)
การอั้นปัสสาวะบ่อยๆ ปัสสาวะจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เหงื่อออกมามีกลิ่นเหม็นเหมือนปัสสาวะ
ข้อมูล
อ.สุทธิวัสส์ คำภา นักธรรมชาติบำบัด


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น